ยินดีต้อนรับทุกคนค่
ยินดีต้อนรับท่านผู้ชมทุกท่าน


รายวิชานี้คือ วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู (PC 54504)
บล็อกนี้เป็นส่วนนึ่งของการเรียนการสอน วิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารสำหรับครู ภาคเรียนที่1/2557 ได้มีการฝึกให้นักศึกษามีกระบวนการคิด การวิเคราะห์ เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ทางรายวิชานี้จึงมีการจัดให้ทำสื่อการเรียนการสอนคือ การจัดทำเว็บไซด์ Blogspot บทเรียนจากโปรแกรมนำเสนอ power point เพื่อรวมรวบและสรุปเนื้อหาจากบทเรียน ให้เป็นประโยชน์แก่ผู้จัดทำ และผู้ที่ต้องการศึกษา
ขอขอบคุณอาจารย์ประภาช วิวรรธมงคลที่ได้ให้มีการจัดทำการเรียนการสอน และได้ให้คำปรึกษา ทำให้นักศึกษาเข้าใจในบทเรียนมากขึ้น หากผิดพลาดประการใด ก็ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย

หน่วยที่6

หน่วยที่6 อินเทอร์เน็ต
หน่วยที่ 6 อินเทอร์เน็ต

1.ความหมายของอินเทอร์เน็ต ( Internet )  อินเทอร์เน็ต (Internet) นั้นย่อมาจากคำว่า International network หรือ Inter Connection  network หมายถึงเครือข่ายนานาชาติที่เกิดจากเครือข่ายขนาดเล็กมากมายรวมเป็นเครือข่ายเดียวทั้งโลก หรือเครือข่ายสื่อสารคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงเครือข่ายระบบคอมพิวเตอร์ทั่วโลกเข้าไว้ด้วยกัน

         สำหรับคำว่า Internet หากแยกเป็นศัพท์ออกมา คือคำว่า Inter กับคำว่า Net :ซึ่ง Inter มีความหมายว่า ระหว่าง หรือท่ามกลาง และส่วนคำว่า Net นั้นมาจากคำว่า Network ที่แปลว่าเครือข่ายและเมื่อนำ 2 คำนี้มารวมกัน จึงแปลว่าการเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย โดยอาศัยเครือข่ายโทรคมนาคมเป็นตัวเชื่อมโยงด้วย TCP/IP (Transmission Control Protocol / Internet Protocol) เดียวกันเป็นข้อกำหนด เพื่อให้เกิดการสื่อสารและการแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน วิธีการติดต่อสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์ในระบบเครือข่ายด้วยโปรโตคอลนี้จะช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่มีฮาร์ดแวร์ที่แตกต่างกันสามารถติดต่อถึงกันได้        
           การที่มีระบบอินเทอร์เน็ตทำให้เราสามารถเคลื่อนย้ายข่าวสารข้อมูลจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งได้โดยไม่จำกัดระยะทาง ส่งข้อมูลได้หลายรูปแบบ ทั้งข้อความตัวหนังสือ ภาพ และเสียง มีเครื่องคอมพิวเตอร์หลายล้านเครื่องทั่วโลกเชื่อมต่อกับระบบทำให้คนในโลกทุกชาติทุกภาษาสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ อินเทอร์เน็ตอาจเปรียบเสมือนใยแมงมุมขนาดมหึมาที่ครอบคลุมทั่วโลก ซึ่งใยแมงมุมแต่ละเส้นจะนำข้อมูลจากคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งมาสู่คอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่ง 

2.ประวัติความเป็นมาของอินเทอร์เน็ต

        อินเทอร์เน็ต คือ การเชื่อมโยงเครือข่ายคอมพิวเตอร์เข้าด้วยกัน ตามโครงการของอาร์ป้าเน็ต (Arpanet = Advanced Research Projects Agency Network)
        -  ค.ศ.1969  อาร์ป้าเน็ตเปลี่ยนชื่อเป็นดาป้าเน็ต (DARPANET = Defense Advanced Research Projects Agency Network) พร้อมเปลี่ยนแปลงนโยบาย และได้ทดลองการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์คนละชนิดจาก 4 เครือข่ายเข้าหากันเป็นครั้งแรก 
        - ค.ศ.1983 ดาป้าเน็ตตัดสินใจนำ TCP/IP (Transmission Control Protocal/Internet Protocal) มาใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในระบบ จึงเป็นมาตรฐานของวิธีการติดต่อ ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมาจนถึงปัจจุบัน
         - ค.ศ.1986 เริ่มใช้การกำหนดโดเมนเนม (Domain Name) เป็นการสร้างฐานข้อมูลแบบกระจาย อยู่ในแต่ละเครือข่าย


        ในความเป็นจริงไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต และไม่มีใครมีสิทธิขาดแต่เพียงผู้เดียว ในการกำหนดมาตรฐานใหม่ ผู้ติดสิน ผู้เสนอ ผู้ทดสอบ ผู้กำหนดมาตรฐานก็คือผู้ใช้ที่กระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก 
3. อินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
           ประเทศไทยได้เริ่มติดต่อกับอินเทอร์เน็ตในปี พ.ศ. 2530 ในลักษณะการใช้บริการ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์แบบแลกเปลี่ยนถุงเมล์เป็นครั้งแรก โดยเริ่มที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่


4.ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
          หากเราจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลข่าวสารในการทำงานประจำวัน อินเทอร์เน็ตจะเป็นช่องทางที่ทำให้เราเข้าถึงข้อมูลได้ในเวลาอันรวดเร็ว   ข่าวสารหรือเหตุการณ์ความเป็นไปต่างๆ ทั่วโลกที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน 
- ความสำคัญด้านการศึกษา
1. อินเทอร์เน็ตทำให้ผู้เรียนมีโอกาสได้รับความรู้ใหม่
2.เรียนรู้ประสบการณ์จากสภาพที่เป็นจริง

3.เป็นแหล่งความรู้ ค้นคว้าหาข้อมูล เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่

- ความสำคัญด้านธุรกิจและการพาณิชย์
1.ค้นหาข้อมูลต่างๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2.การซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย

3.เป็นช่องทางในการโฆษณาสินค้า

- ความสำคัญด้านความบันเทิง
1. ค้นหา Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆได้
2.ฟังวิทยุผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3.สามารถดาวน์โหลด Download ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่และเก่ามาดูได้

4.สื่อสารด้วยข้อความ ภาพ และเสียง

ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต
1.ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารได้รวดเร็ว สะดวก
2.ใช้ค้นหาข้อมูลต่างๆ
3.ใช้แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ได้
4.ให้ความบันเทิงในหลายรูปแบบ
5.ใช้สื่อสารด้วยข้อความ ภาพ เสียง

6.การซื้อขายสินค้าและบริการต่างๆ

5.การใช้งานอินเทอร์เน็ต  
          ผู้ใช้สามารถใช้บริการจากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า ไอเอสพี ได้โดยตรงสำหรับประเทศไทยมีไอเอสพีมากกว่า 15 แห่ง ซึ่งไอเอสพีก็คือองค์กรที่ให้บริการทางด้านอินเทอร์เน็ต

ตัวอย่างไอเอสพีในประเทศไทย
1.บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย
2.บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น
3.บริษัทสามารถอินโฟเน็ต จำกัด

4.บริษัท เอ-เน็ต จำกัด
6.ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
         การติดต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบสื่อสารโทรคมนาคมเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้บริการต่างๆสามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
1.การติดต่อใช้สายโทรศัพท์ผ่านโมเดม  ไปยังไอเอสพีที่เราเป็นสมาชิกอยู่ ซึ่งโมเดมเป็นอุปกรณ์ที่แปลงสัญญาณคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณโทรศัพท์และแปลงสัญญาณโทรศัพท์ให้เป็นสัญญาณคอมพิวเตอร์
2.การติดต่อผ่านเครือข่ายแลน  ซึ่งวิธีนี้จะสะดวกกว่าวิธีอื่น การรับส่งข้อมูลรวดเร็ว นิยมใช้ในหน่วยงานขนาดใหญ่ เช่นมหาลัย กระทรวง เป็นต้น
อุปกรณ์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
อุปกรณ์สำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต สำหรับผู้ใช้ทั่วไปมีดังนี้
1. เครื่องคอมพิวเตอร์- 
2. คู่สายโทรศัพท์
3. โมเด็ม (Modem)
4. ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต (ISP)
7.การให้บริการต่างๆของอินเทอร์เน็ต
1.บริการไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ หรือE-Mail
2.บริการเวิลด์ไวด์เว็บ (www.)
3.การซื้อขายสินค้าและบริการ
4.บริการโอนถ่ายข้อมูลต่างๆ
5.การสื่อสารตอบโต้ด้วยข้อความ ภาพ เสียง
6.เกมออนไลน์


8.การเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์กับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
การเชื่อมต่อผ่านทางไอเอสพีแบ่งลักษณะการเชื่อมต่อออกเป็น2 ประเภทตามความต้องการใช้งานได้ดังนี้
    1.การเชื่อมต่อแบบองค์กร

    2.การเชื่อมต่อส่วนบุคคล

9.กฎหมายเกี่ยวกับ Internet
          ปัจจุบันการใช้งานอินเทอร์เน็ตมีบทบาทในชีวิตประจำวันมากขึ้น  ดังนั้นการใช้ข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตจึงต้องมีการควบคุมดูแลเพื่อให้เกิดความ ปลอดภัยแก่ชีวิตและสังคม  ซึ่งมีกฎหมายเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศและอินเทอร์เน็ต  ได้แก่
1.กฎหมายเกี่ยวกับธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์
2.กฎหมายเกี่ยวกับลายมือชื่อทางอิเล็กทรอนิกส์
3.กฎหมายเกี่ยวกับอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์
4.กฎหมายเกี่ยวกับการโอนเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ 
5.กฎหมายเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
6.กฎหมายคุ้มครองการเผยแพร่เอกสารข้อมูลบุคคล

7.กฎหมายคุ้มครองสิทธิ์   ได้แก่การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา  ลิขสิทธิ์  สิทธิบัตร  และ เครื่องหมายการค้า


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น